This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ทุเรียนเทศ



สวัสดีครับท่านผู้อ่านและติดตาม blog ทุกๆท่าน ต้องขออภัยด้วยครับที่ผมห่างหายจาก blog แห่งนี้ไปหลายปีด้วยปัจจจัยหลายๆด้าน ประกอบกับมีอาชีพอื่นที่ต้องทำ วันนี้ก็นำบทความดีๆเกี่ยวกับ ทุเรียนเทศ มาฝากกันครับ เมื่อหลายเดือนก่อน ทั้งข่าวทีวีและอินเตอร์เน็ต มีข่าวดังพาดหน้าหนึ่งเกือบทุกๆช่องทุกๆฉบับเกี่ยวกับ ทุเรียนเทศ สามารถบรรเทาและรักษาโรคมะเร็งได้ (ว้าว ดีมากเลย) ผมขอหยิบบทความจากหนังสือพิมพ์แห่งหนึ่งมานำเสนออย่างนี้หนะครับ
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า กระแสฮิตกินทุเรียนเทศ ช่วยแก้โรคมะเร็งได้นั้น เป็นความเชื่อที่ยังไม่ถูกต้อง เพราะยังไม่ปลอดภัยเต็มร้อย เนื่องจากมีผลข้างเคียงอย่างอื่นตามมาได้
จากกรณีเกิดกระแสในโลกสังคมออนไลน์ว่า ใบทุเรียนเทศสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ จนมีการนำใบทุเรียนเทศมาเสนอขายกันทางออนไลน์ในราคาสูงถึง กก.ละ 600-800 บาท และประชาชนได้สอบถามข้อมูลในเรื่องนี้จากสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข อย่างต่อเนื่อง นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยว่า จากกรณีที่มีประชาชนสอบถามข้อมูลเรื่องสมุนไพร ทุเรียนเทศ เข้ามาที่สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กันอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการเผยแพร่สรรพคุณของ ใบทุเรียนเทศว่าสามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ดีกว่ายาเคมีบำบัดทางโลกออนไลน์ และมีผลิตภัณฑ์จากใบทุเรียนเทศจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ เช่น แคปซูล ชาชง
สถาบันวิจัยสมุนไพรได้ค้นคว้ารายงานวิจัยของต่างประเทศพบว่า แม้สารสกัดจากใบทุเรียนเทศมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ สามารถเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งเต้านม ปอด ตับ ตับอ่อน และผิวหนังได้ก็ตาม
แต่ขณะเดียว กันใบทุเรียนมีสารที่เป็นพิษต่อเซลล์ประสาทของมนุษย์ด้วยเช่นกัน และผลการศึกษาในต่างประเทศ ยังพบด้วยว่าหนูทดลองที่ได้รับสารสกัดใบทุเรียนเทศในปริมาณสูงมีผลต่อการทำงานของไตอีกด้วย

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ บอกอีกว่า ฉะนั้นในขั้นนี้จึงยังไม่ควรที่จะนำใบทุเรียนเทศมาบริโภคเพื่อรักษามะเร็ง ต้องรอการศึกษาหาวิธีสกัดสารต้านมะเร็งแยกออกจากสารทำลายเซลล์ประสาทและไตให้ได้เสียก่อน ถึงจะบริโภคได้ปลอดภัย ซึ่งขณะนี้สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีแผนศึกษาวิจัยในเรื่องนี้แล้ว.

หัวข้ออื่นๆที่เกี่ยวข้องมะเร็งมดลูก,มะเร็งปากมดลูก,อาการมะเร็งมดลูก,ระยะมะเร็ง,วิธีรักษามะเร็ง,มะเร็งต่างๆ,สมุนไพรรักษามะเร็ง,อาหารต้านมะเร็ง

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

มะเร็งตับ

มะเร็งตับ

       สวัสดีครับท่านผู้ติดตาม blog มะเร็งมดลูกทุกๆท่าน วันนี้ทางทีมงานมะเร็งมดลูก มีบทความสุขภาพ เกี่ยวกับมะเร็งตับมาฝากกันครับ ถ้าพูดถึงมะเร็งตับแล้วหลายๆท่านคงคุ้นหูกันดีกับชื่อนี้ ขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่าทางทีมงานมะเร็งมดลูก จะพยายามเสาะแสวงหาข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งต่างๆ ระยะมะเร็ง รวมถึง วิธีการรักษามะเร็ง และ พืชสมุนไพรรักษามะเร็ง มาฝากให้ได้ศึกษาและนำไปเป็นข้อมูลเพิ่มเติมในการปฏิบัติตัวอย่างไรให้พ้นจากการเป็นมะเร็งต่างๆ ครับ วันนี้เช่นเคยครับกับ มะเร็งที่มี ชื่อว่า มะเร็งตับ
        มะเร็งตับ พบมากเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ และพบในเพศชายมากกว่าเพศ หญิง ถึง 2 เท่าขึ้นไปโดย
        มะเร็งตับ พบมากในประเทศไทย มี
2 ชนิด คือ โรคมะเร็งของเซลล์ตับ และโรคมะเร็งท่อน้ำดีตับ โรคมะเร็งท่อน้ำดีตับ พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ส่วนการรักษาโรคมะเร็งตับยังไม่ได้ผลเท่าที่ควรมีอัตราการอยู่รอดต่ำมากครับท่านผู้ อ่าน ทราบอย่างนี้แล้ว ก็ระวังกันด้วยนะครับผม
        สาเหตุการเกิดมะเร็งตับ
       
1. การเป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบชนิดบี เป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดในการเกิดโรคมะเร็งเซลล์ตับในคนไทย
       
2. โรคมะเร็งท่อน้ำดีตับ เกิดเนื่องจากพยาธิใบไม้ตับ เป็นสาเหตุสำคัญร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีดินประสิว(ไนเตรท) และไนไตรท์ เช่นปราร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม แหนม ไส้กรอก เบคอน ฯลฯ
       
3. การดื่มสุราเป็นประจำ
       
4. สารพิษอัฟลาทอกซิลซึ่งเกิดจากเชื้อราบางชนิดพบในอาหารประเภทถั่ว ข้าวโพด พริกแห้ง เป็นสาเหตุสำคัญในการทำให้เกิดโรคมะเร็งตับในประเทศจีน และ อาฟริกา
       
5. ไวรัสตับอักเสบบี ชนิดซี เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของการเกิดโรคมะเร็งตับในประเทศญี่ปุ่น ยุโรป และบางส่วนของประเทศไทย
        อาการของมะเร็งตับ
       
1. เริ่มต้นด้วยอาการเบื่ออาหาร แน่นท้อง ท้องผูก
       
2. อ่อนเพลีย น้ำหนักลด และมีไข้ต่ำๆ
       
3. ปวดหรือเสียชายโครงด้านขวา อาจคลำก้อนได้
       
4. ตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต และบวมบริเวณขา ทั้ง 2 ข้าง
        การวินิจฉัย
       
การตรวจและการรักษาโรคมะเร็งตับ ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจะได้ผลทันที การวินิฉัยได้แก่
       
1. การตรวจหาระดับแอลฟาฟีโตโปรตีนในเลือด
       
2. การใช้เครื่องมือพิเศษได้แก่ เครื่องอัลตราซาวด์ เครื่องแสดงภาพอวัยวะด้วยรังสีไอโซโทป และเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์
       
3. การดูลักษณะของเซลล์ด้วยการเจาะเอาเนื้อตับมาตรวจ เพื่อวินิจฉัยทางพยาธิวิทยา
        การรักษา
       
1. โดยการผ่านตัด
       
2. การฉีดยาเข้าก้อนมะเร็งโดยตรง ในมะเร็งระยะเริ่มแรก
 
       3. การฉีดยาเคมี หรือสารอุดตันเข้าเส้นเลือดแดง ที่หล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง
       
4. การใช้ยาเคมีส่วนใหญ่รักษาเพื่อการบรรเทาอาการ
        การป้องกัน
       
1. ให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบ ชนิดบีในเด็กแรกเกิดทุกคน
       
2. ป้องกันและรักษาโรคพยาธิใบไม้ตับ
       
3. ปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพ
       
4. รับประทานอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ
       
5. รับประทานผัก ผลไม้สด เป็นประจำ
       
6. หลีกเลี่ยง อาหารที่มีสานก่อมะเร็ง ได้แก่ อาหารที่มีราขึ้น อาหารใส่ดินประสิว และไนไตรท์ เช่น ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม แหนม ไส้กรอก เบคอน อาหารหมักดอง  เค็มจัด เผ็ดจัด เนื้อสัตว์รมควัน ปิ้ง ย่าง ทอดจนไหม้เกรียม ไม่ รับประทานอาหารปลาดิบๆ สุกๆ เช่นปลาขาว ปราตะเพียน ปลาแม่สะแด้ง
       
7. เลิกสูบบุหรี่
       
8. เลิกดื่มสุรา
       
9. ลดความเครียด และออกกำลังกายเป็นประจำ
        สิ่งผิดปกติที่ควรปรึกษาแพทย์
       
1. ผู้ที่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบชนิดบี หรือเป็นโรคตับแข็ง
       
2. เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ
       
3. เบื่ออาหารโดยไม่มีสาเหตุ
       
4. แน่นท้อง ท้องผูก ท้องอืด ท้องเฟ้อเป็นประจำ
       
5. อ่อนเพลีย น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว
       
6. มีไข้ต่ำๆ เป็นประจำ
       
7. ปวดหรือเสียดชายโครงด้านขวา หรือคลำพบก้อนในช่องท้อง
หัวข้ออื่นๆที่เกี่ยวข้อง
มะเร็งมดลูก,มะเร็งปากมดลูก,อาการมะเร็งมดลูก,ระยะมะเร็ง,วิธีรักษามะเร็ง,มะเร็งต่างๆ,สมุนไพรรักษามะเร็ง,อาหารต้านมะเร็ง

วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผักชีต้นจิ๋ว ต้านมะเร็งต่างๆ

ผักชีต้นจิ๋ว ต้านมะเร็งต่างๆ

สวัสดีครับมิตรรักแฟนคลับ ทีมงาน มะเร็งมดลูก ทุกๆท่าน วันนี้ทางทีมงาน มะเร็งมดลูกมี บทความสุขภาพ เกี่ยวกับ ผักชีต้นจิ๋วมาฝากกันครับผม
       ผักชี นี่ถือว่าเป็นผักพื้นบ้านของคนไทยเราเลยก็ว่าได้ครับ เพราะแทบๆทุกๆกิจกรรมด้านอาหารต้องมีผักชีมาร่วมด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นอาหารหวาน อาหารคาว  แต่ใครจะรู้ว่าผักชี นี้มีประโยชน์เหลือหลาย เช่นทางด้านสมุนไพรที่คนทั่วโลกใช้ผักชีกัน เพื่อเป็นยา โดยเจ้าผักชี มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ คือ
Coriandrum sativum l. และ ชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า Chinese Parsley หรือ Cilantro
       อายุรเวชโบราณจัดให้ผักชีเป็น ยาสมุนไพร ธาตุเย็น ใช้แก้และป้องกันโรค ธาตุพิการ อาหารไม่ย่อย แก้ไข้ ขับลม ขับเหงื่อ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตบำรุงกระเพาะอาหาร และแก้โรคข้ออักเสบ
       ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของสมุนไพรและตำรับยา คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า วิตามินซี ฟอสฟอรัส ใยอาหาร และเบต้าแคโรทีน ที่อยู่ในผักชีช่วยบำรุงเซลล์ให้แข็งแรง กระตุ้นการทำงานของเอนไซต์เพื่อต้านฟรีแรดิคัลและปรับสมดุลของร่างกาย ซึ่งจะป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่างๆได้

       หากกินผักชีได้วันละ 3-5 ต้น หรือประมาณ 150-250 กรัม จะได้รับวิตามินซี ในบริการที่ร่างกายต้องการอย่างเพียงพอด้วยครับผม ผักชีต้านจิ๋ว แต่อุดมด้วยประโยชน์สูงสุด ถ้าคิดจะเริ่มปลูกเพื่อรับประทานกันเอง ต้องระวังในสิ่งเหล่านี้ด้วยครับผม
       ผักชีเป็นพืชที่ชอบอากาศเย็น  ควรปลูกในที่ไม่ร้อนจัด ใช้ผักชีโดนแสงในช่วงเช้าพอประมาณ
       ห้ามใช้เมล็ดผักชีเก่า แห้งเปราะ และมีฝุ่นผงปนอยู่ ควรซื้อเมล็ดพันธุ์แบบตัดแบ่งขายจากร้านค้าเกษตรภัณฑ์ สังเกตเมล็ดลักษณะเต็มแน่น สีไม่ซีดจาง
       ศัตรูของพืชผักชีนี้ คือเพลี้ยอ่อน วิธีกำจัดเพลี้ย โดยบดพริกแห้ง
100 กรัม ให้ละเอียดผสมน้ำ 1 ลิตร ทิ้งไว้ 1 วันกรองแต่น้ำนำมาผสมน้ำสบู่อัตราส่วน 5 ต่อ 1 นำไปฉีดพ่นทักๆ  7 วัน ปฏิบัติเพียงเท่านี้เราก็จะมีมะเร็งไว้รับประทานเพื่อป้องกันมะเร็งต่างๆ ครับผม

วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกกุ้งเสียบ


สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกกุ้งเสียบ
 
  
ชาวใต้เรียกน้ำพริกว่า น้ำซุบ ความอร่อยของน้ำซุบอันเป็นเอกลักษณ์เกิดจาก เคยหลายชนิดที่ทำขึ้นจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนชายทะเลทั้งสองฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน
        ส่วนกุ้งเสียบนั้นได้มาจากกุ้งทะเลสดๆเสียบไม้แล้วนำไปรมควันจากกาบมะพร้าวจนสุกและแห้งสนิท มีสีเหลืองสวยและหอมกลิ่นควันไฟ ชาวใต้นำกุ้งเสียบมาสร้างสรรค์เป็นเมนูน้ำพริก
        ส่วนผสม กุ้งเสียบครึ่งถ้วย พริกขี้หนูลุยสวน
10 เม็ด หอมเล็กซอย หนึ่งในสี่ถ้วย เคยหรือกะปิดห่อใบตองย่างพอหอมๆ 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชา น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลโตนด 2 ช้อนชา
        วิธีทำ คั่วกุ้งเสียบในกระทะด้วยไฟอ่อนให้กรอบและมีกลิ่นหอมปิดไฟ โขลกพอแหลก พักไว้ จากนั้นโขลกพริกขี้หนู หอมเล็ก กะปิ และเกลือเข้าด้วยกัน ใส่กุ้งเสียบ โขลกพอเข้ากัน ไม่ให้กุ้งแหลกมาก ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำตาลโตนด คนให้เข้ากัน ชิมรส ตักใส่ถ้วย ตกแต่งด้วยกุ้งเสียบและพริกขี้หนูลุยสวน
        เพิ่มเติม ปัจจุบันมีกุ้งเสียบขายทั้งแบบเสียบไม้และขายเป็นตัวๆให้เลือกกุ้งเสียบที่แห้งสนิท สีสันเป็นธรรมชาติ หากใช้ไม่หมดให้เก็บแช่ในช่องแช่แข็ง จะเก็บได้นาน ครับผม
สรรพคุณต้านมะเร็งต่างๆในน้ำพริกกุ้งเสียบ
       
สารแคปไซซิน ในพริกช่วยลดการเกิดเซลล์ มะเร็งต่างๆ ได้โดยเฉพาะ มะเร็งกระเพาะอาหาร นอกจากนี้พริกยังให้วิตามินซีและเบต้าแคโรทีน ช่วยต้านฟรีแรดิคัล ป้องกันมะเร็งได้หลายชนิด
        นอกจากนี้สารไบโอฟลาโวนอยด์ของหอมเล็กยังช่วงป้องกัน
มะเร็งต่างๆได้ โดยเฉพาะมะเร็งตับ โดยสารสำคัญในหอมเล็กจะช่วยตับขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ทั้งยังช่วยทำลายเซลล์ มะเร็งต่างๆ       
สัปดาห์นี้ ทีมงาน มะเร็งมดลูกขอจบไว้ที่ น้ำพริกแดงของภาคกลาง นะครับ อย่าลืมมาติดตาม ผลงาน ของ ทีมงาน มะเร็งมดลูกอีกนะครับผม สวัสดีครับ

หัวข้ออื่นๆที่เกี่ยวข้อง
มะเร็งมดลูก,มะเร็งปากมดลูก,อาการมะเร็งมดลูก,ระยะมะเร็ง,วิธีรักษามะเร็ง,มะเร็งต่างๆ,สมุนไพรรักษามะเร็ง,อาหารต้านมะเร็ง
ขอบคุณบทความจากหนังสือชีวจิต
ภาพประกอบจากทราเวลทีวี

วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกแดง

สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกแดง

      
ความรุ่มรวยของน้ำพริกภาคกลางสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าครัวภาคกลางได้รับอิทธิพลจากวังหลวง ที่ซึ่งจัดเจนในการคิดค้นสูตรน้ำพริกสารพัดชนิด เมื่อบวกกับความสามารถของคนภาคกลางที่เก่งในการประยุกต์ น้ำพริกภาคกลางจึงมีหลากรส และหลายตำหรับมากครับ
        น้ำพริกแดงเป็นน้ำพริกสูตรโบราณประจำสำหรับของชุมชนภาคกลางแถบชายฝั่งทะเลครับ เพราะกินเข้ากันดีกับอาหารจำพวกปลา เช่น ปลาย่าง น้ำพริกแดงมีสอง สูตรคือ ใช้ความเปรี้ยวจากน้ำมะขามเปียกและจากมะม่วงเปรี้ยวซอย
        ส่วนผสม พริกแห้งเม็ดใหญ่แช่น้ำจนนิ่มฉีกเป็นท่อนๆ 10 เม็ด กระเทียม 10 กลีบ กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลโตนดครึ่งช้อนโต๊ะ มะม่วงเปรี้ยวซอยละเอียด 1 ใน 4 ถ้วยครับ
        วิธีทำ โขลกพริกแห้งจนละเอียด ใส่กระเทียมลงไปโขลกให้เข้ากันจากนั้นใส่กะปิดน้ำตาลโตนด โขลกจนเข้ากันดี ใส่มะม่วงซอยลงไป คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน กินกับผักสดตามชอบครับผม
        เพิ่มเติม เมื่อคลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันเสร็จแล้ว ปล่อยทิ้งไว้สักครู่ เพื่อให้มะม่วงได้ปล่อยความเปรี้ยวออกมาในน้ำพริกก่อนค่อยรับประทานนะครับผม
สรรพคุณต้านมะเร็งต่างๆในน้ำพริกแดง
       
มีงานวิจัยระบุว่า การกินกระเทียมสามารถลดการเกิดมะเร็งต่างๆในได้เช่น มะเร็งกระเพราะอาหาร เนื่องจากกระเทียมมีสารกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยต้านมะเร็งต่างๆหลายๆชนิด นอกจากนี้สารอาหารต่างๆในกระเทียมยังช่วยเพิ่มระดับเอมไซม์ ที่ช่วยล้างสารพิษก่อมะเร็งต่างๆ ซึ่งสารนี้จะเกิดขึ้นเมื่อทุบกระเทียมให้แตกแล้ววางไว้ 10 นาทีก่อนนำไปปรุงอาหาร
        สารต้าน
มะเร็งต่างๆจากมะม่วง หนึ่งในผลไม้ไม่กี่อย่างที่ได้รับการยกให้เป็นซูเปอร์ฟู๊ด การศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า สารอาหารในมะม่วงช่วยต้านมะเร็งต่างๆ เช่น มะเร็งเต้านม และ มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ครับผม
สัปดาห์นี้ ทีมงาน มะเร็งมดลูกขอจบไว้ที่ น้ำพริกแดงของภาคกลาง นะครับ คราวหน้าจะมาพูดถึง สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกกุ้งเสียบซึ่งเป็นบทความสุขภาพสุดท้ายในเรื่องเกี่ยวกับ สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง  ที่เป็นน้ำพริก (4 ภาค)นะครับ อย่าลืมมาติดตาม ผลงาน ของ ทีมงาน มะเร็งมดลูกอีกนะครับผม สวัสดีครับ

หัวข้ออื่นๆที่เกี่ยวข้อง
มะเร็งมดลูก,มะเร็งปากมดลูก,อาการมะเร็งมดลูก,ระยะมะเร็ง,วิธีรักษามะเร็ง,มะเร็งต่างๆ,สมุนไพรรักษามะเร็ง,อาหารต้านมะเร็ง
ขอบคุณบทความจากหนังสือชีวจิต ภาพประกอบจากครัวข้างทุ่ง

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน แจ่วกุ้ง



สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน แจ่วกุ้ง
สมุนไพรไทยรักษามะเร็ง แจ่วกุ้ง

        หลังจากสัปดาห์ที่แล้วผมได้พูด ถึง สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกข่า ไปแล้วนั้น ตามที่ได้สัญญาไว้ว่าวันนี้จะเอาเมนู สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง ของภาคอีสานมาฝาก วันนี้มาตามสัญญากับ บทความสุขภาพ เกี่ยวกับ เมนูอาหารที่ชื่อว่า แจ่วกุ้ง
        โดยคนอีสานจะเรียกน้ำพริกว่า แจ่ว ป่น และหลน แตกต่างกันตามวิธีการปรุงครับ ตั้งทุกวิธีตั้งอยู่บนหลักความง่ายๆ เพราะอาศัยวัตถุดิบ ที่มีอยู่ในท้องถิ่น
        กุ้งฝอยมีมากในช่วงน้ำนอง คนอีสานหากุ้งฝอยจากแหล่งน้ำธรรมชาติ คนอีสานไม่นิยมน้ำพริกรสหวาน แต่สำหรับน้ำพริกถ้วยนี้ จะมีความหวานแบบธรรมชาติๆจากตัวกุ้งและกลิ่นหอมๆจากข้าวขั่วและเสริมรสให้ครบเครื่องด้วยผักพื้นบ้านสดๆ ที่หาได้ในท้องถิ่น
        ส่วนผสม กุ้งฝอยคั่วจนสุก
100 กรัม พริกขี้หนู 4-5 เม็ด หอมเล็ก 4 หัว ข้าวคั่ว เกลือนิดหนอ่ยครับ ไม่ต้องมากเดี๋ยวเค็ม
        วิธีปรุง ตำพริกขี้หนู หอมเล็ก และข้าวคั่วเข้าด้วยกัน ตักขึ้นนำมาคลุกกับกุ้งที่คั่วไว้แล้ว ปรุงรสด้วยเกลือ กินกับผักสดต่างๆ เช่นผักกาด ผักบุ้ง ผักชีลาว ผักชีใบยาว ยอดมะกอก ต้นหอม
        เพิ่มเติม ควรเลือกซื้อกุ้งฝอยจากแหล่งน้ำที่แน่ใจว่าห่างจากแหล่งสารเคมีปนเปื้อน
สรรพคุณต้านมะเร็งต่างๆในแจ่วกุ้ง
       
เมนูนี้ใส่ข้าวคั่วได้เต็มที่ครับผมเพราะยิ่งใส่ก็จะยิ่งได้สารต้านมะเร็งต่างๆ อีกเพียบเลยครับ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียคอลเลจ ประเทศอังกฤษ พบกว่าการกินข้าวกล้องทุกๆวัน ทุกๆ 10 กรัมจะลดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่างๆรวมทั้งมะเร็งลำไส้ได้ร้อยละ 10 โดยคณะวิจัยลงความเห็นว่าใยจากข้าวกล้องนั้นสำคัญเป็นพิเศษ ครับผม
       
สัปดาห์นี้ ทีมงาน มะเร็งมดลูกขอจบไว้ที่ แจ่วกุ้งของภาคอีสาน นะครับ คราวหน้าจะมาพูดถึง สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกแดง นะครับ อย่าลืมมาติดตาม ผลงาน ของ ทีมงาน มะเร็งมดลูกอีกนะครับผม สวัสดีครับ
ขอบคุณบทความจากหนังสือชีวจิต

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกข่า

สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกข่า
น้ำพริกข่า
สวัสดีครับท่านผู้ติดตาม blog มะเร็งมดลูก ทุกๆท่านเมื่อสัปดาห์ก่อนไปนั่งรอแม่บ้านสอบวิชาเคมี ในห้องสมุด ของคณะเลยหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน เห็นบทความสุขภาพ เกี่ยวกับ สุมนไพรไทยรักษามะเร็งวันนี้เลยจะหยิบในบางชิ้นบางตอนมาฝากครับเผื่อ ท่านแม่บ้านพ่อบ้าน จะนำ เมนูอาหาร สุมนไพรไทยรักษามะเร็งไปทำรับประทานดูครับ โดย เมนูแรกนี้จะเป็นเมนู น้ำพริก ของภาคเหนือครับชื่อว่า
       น้ำพริกข่า
       
โดยน้ำพริกต้านมะเร็งต่างๆนี้เป็นสูตรดั้งเดิมของชาวลัวะซึ่งอาศัยอยู่ตามเชิงเขาในภาคเหนือ เป็นน้ำพริก ที่มีส่วนผสมไม่กี่อย่างทำง่ายครับ และได้รสชาติที่เรียกว่ารสชาติพื้นฐานของน้ำพริกแท้ๆ คือมีรสเผ็ดและรสเค็มตามมาครับ รสชาติเข้ากันดีกับเห็นป่าซึ่งมักเกิดตอนฤดูฝน (ช่วงนี้แหละครับเห็ดกำลังออกเลยครับ แถวๆ อ.อาจสามารถ  จ.ร้อยเอ็ด เห็ดขายเพียงไม่แพงด้วยครับ)
        ส่วนผสม ข่าแก่ซอยบางๆ
2 แง่ง พริกแห้งคั่ว 13 เม็ด กระเทียมคั่ว 2 หัว ตะไคร้ซอย 1 ต้น เกลือ 1 ช้อนชา น้ำอุ่นๆ 2-3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ โขลกพริกและกระเทียมให้ละเอียด ใส่เกลือลงไปโขลกต่อ ใส่ข่าและตะไคร้ โขลกให้ละเอียด เติมน้ำอุ่นคนให้เข้ากันครับ

        เพิ่มเติม เลือกข่าแก่จัด สังเกตแง่งมีผิวเปลือกบางตามปล้องสีน้ำตามเข้ม จะมีน้ำมันหอมระเหยอยู่มากครับ ทำให้น้ำพริกมีกลิ่นหอมข่า หรือจะหั่นข่าเป็นแว่น แล้วคั่วให้หอมก่อนก็ได้ครับผม
สรรพคุณต้านมะเร็งต่างๆในน้ำพริกข่า

       
จากการวิจัยของคณะนักวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยคงคอลเลจ ประเทศอังกฤษ ระบุว่า ข่ามีสารที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นเอนไซต์บางชนิดที่มีความสามารถทำลายคาร์ซิโนเจน ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เซลล์เราผิดปกติ จนกลายเป็นมะเร็งต่างๆได้
        นอกจากนี้ยังพบว่า สารซิทรัล ในตะไคร้ยังช่วยขับเหงื่อและสารพิษ และช่วยทำให้ร่างกายดูดซึม สารก่อ
มะเร็งต่างๆ น้อยลงนอกจากนี้ยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่ผิดปกติในลำไส้ จึงมีผลดีในการยับยั้งการก่อตัวของเนื้อร้าย และป้องกัน มะเร็งลำไส้ ได้อีกด้วยครับผม สัปดาห์นี้ ทีมงาน มะเร็งมดลูกขอจบไว้ที่ น้ำพริกข่า ของภาคเหนือนะครับ คราวหน้าจะมาพูดถึง สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน แจ่วกุ้ง นะครับ อย่าลืมมาติดตาม ผลงาน ของ ทีมงาน มะเร็งมดลูกอีกนะครับผม สวัสดีครับ

หัวข้ออื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณภาพประกอบจาก รีวิวเชียงใหม่
มะเร็งมดลูก,มะเร็งปากมดลูก,อาการมะเร็งมดลูก,ระยะมะเร็ง,วิธีรักษามะเร็ง,มะเร็งต่างๆ,สมุนไพรรักษามะเร็ง,อาหารต้านมะเร็ง
ขอบคุณบทความจากหนังสือชีวจิต