This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มะเร็งมดลูก แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มะเร็งมดลูก แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รู้เพิ่มเติม กับ มะเร็งมดลูก

รู้เพิ่มเติม กับ มะเร็งมดลูก
มะเร็งมดลูก

สวัสดีครับ สาวก มะเร็งมดลูกทุกๆท่านๆ เป็นอย่างไรกันบ้านครับหยุดไปหลายวันในช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมาไปทำบุญแห่เทียนเข้าพรรษา กันบ้างหรือเปล่าครับ วันนี้มี บทความสุขภาพ ดีๆมาฝากครับผมหลังจากเมื่อตอนเปิด บล็อก มะเร็งมดลูกไปนั้นผมได้ให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ มะเร็งมดลูกไปแล้วนั้นวันนี้ มีเรื่องอื่นๆเกี่ยวกับมะเร็งมดลูกมาเพิ่มเติมครับผม มาดูกันว่ามีอะไรบ้างครับ เดียวผมขอพูดซ้ำถึงเรื่องความหมายของ มะเร็งก่อน ละกันครับ
       
มะเร็ง คืออะไร
มะเร็งก็คือ โรคของเซลล์ของร่างกายซึ่งปกติเซลล์ร่างกายจะมีการเจริญเติบโต และแบ่งตัวภายใต้การควบคุมของยีนส์ ทำให้เซลล์ร่างกายเจริญเติบโต ถ้ามีเซลล์มีการแบ่งตัวและเจริญเติบโตผิดปกติอย่างรวดเร็ว เป็นก้อนๆ เรียกว่า เนื้องอก ครับ ซึ่งแบ่งเป็นชนิดธรรมดา และ ชนิดร้ายแรง
       
ปากมดลูกอยู่ตรงไหน
ผมเชื่อว่าผู้ชายหลายๆคน และแม้แต่สาวๆบางคนก็ไม่ทราบเลยว่าปากมดลูกอยู่ตรงไหน สำหรับผู้ชายที่มีครอบครัวแล้วคงพอรู้ โดยที่ปากมดลูกเป็นช่องทางเปิดเข้าสู่มดลูก โดยมดลูกจะอยู่ในอุ้งเชิงกราน และส่วนที่เป็นปากมดลูก คือส่วนที่ยื่นลงมาอยู่ในช่องคลอด ครับผม
       
มะเร็งมดลูก พบบ่อยหรือไม่
ในประเทศไทยนั้น พบผู้ป่วย
มะเร็งมดลูกเพิ่มขึ้นราวปีละ 6000 รายครับ ถือว่าเยอะมากๆเลยนะครับส่วนผู้เสียชีวิตจากมะเร็งมดลูกก็อยู่ที่ประมาณ 3000 รายทีเดียวถือว่าเป็นครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยมะเร็งมดลูกเลยนะครับนี่ น่ากลัวจังเลยเนาะ โดยผู้ป่วยมะเร็งมดลูกส่วนใหญ่ มีอายุประมาณ 45 ปีครับผม โดยธรรมชาติของโรคมะเร็งมดลูกนี้ จะเริ่มจากการมีเซลล์เปลี่ยนแปลง จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งมดลูกจะใช้เวลาเกือบ 10 ปีครับผม ซึ่งทำให้การคัดกรองหาความผิดปกติของปากมดลูก มีประโยชน์อย่างมากเลย เพราะจะสามารถช่วยลดอัตราการเป็นมะเร็งมดลูกลงได้ครับ วันนี้ขอหยุดไว้ตรงนี้ก่อนนะครับ เอาเพียง รู้จักมะเร็งมดลูกรู้จักว่ามดลูกอยู่ตรงไหน รู้จักว่ามะเร็งมดลูกพบบ่อยหรือไม่ในบ้านเมืองเรา คราว หน้าทีมงาน มะเร็งมดลูกจะมาพูดถึงในส่วนของการตรวจหามะเร็งมดลูกในแบบ แป๊บสเมียร์ นะครับผม


วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วิตามินซี กับ มะเร็งมดลูกและมะเร็งต่างๆ



วิตามินซี กับมะเร็งมดลูก และมะเร็งต่างๆ
        สวัสดีครับ ครับผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ มะเร็งมดลูก (นามปากกาใหม่) ต้องเดินทางแต่เช้าเพื่อไปเรียนกับแม่บ้านที่ ม.ราชภัฎสุรินทร์ ตื่นเช้าก็ไม่มีอะไรมากมายเตรียม ชงนมไว้ให้ลูกสาวคนเดียว เพราะอีกซักพัก ย่าจะมารับเจ้าตัวเล็กไปเลี้ยงที่บ้าน วันนี้แม่บ้านมีเรียน แปดโมงกว่าๆ แต่ก็ไปสายได้(หรือเปล่า)หลังจากจัดแจงเตรียมข้าวของให้เจ้าตัวเล็กเสร็จก็ออกเดินทางไปเรียนกับแม่บ้าน(แม่บ้านขับรถให้นั่งครับผมขับไม่เก่งเวลาไปไหนมาไหนแม่บ้านขับอย่างเดียวครับ) ถึงที่เรียนประมาณเก้าโมงกว่าๆสายเกือบสองชั่วโมงแนะหลังจากสั่งแม่บ้านเข้าห้องเรียนเสร็จผมก็ปลีกตัวมารอแม่บ้านอยู่ห้องสมุด คณะวิทยาศาสตร์ฯ อาคาร 29 ครับ นั่งรอให้ห้องสมุดเลยเป็นที่ไปที่มาของบทความนี้ครับ เล่าซะยาวเลยผมแทบไม่เกี่ยวกับ เจ้าตัววิตามินซี มะเร็งมดลูก และมะเร็งต่างๆเลยครับ เอาเป็นว่าบทความวันนี้ มะเร็งมดลูกขอพูดถึงเจ้าตัว วิตามิซี หละกันครับ ผมคิดว่าหลายๆท่านคงเคยได้ยิน ชื่อนี้มานานและคงได้กินกันมามากมายเพราะว่าเจ้าตัววิตามินซีนี้ มีขายตามร้านทั่วไปแม้กระทั่งร้านขนมก็ยังเอามาใส่ซองขายเลย รสชาติๆเปรี้ยวๆอร่อยดีครับ ลูกสาวผมชอบกินมากๆ และอีกอย่างวิตามินซี ก็มีอยู่ในจำพวกอาหารรสเปรี้ยวเช่น ส้ม พวกนี้ครับ คนส่วนมากจะคิดว่าวิตามินซี ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน แต่หารู้ไม่ว่าเจ้าตัววิตามินซีนี้ เปรียบเสมือน ยารักษาโรคมะเร็ง ไม่จะเป็นมะเร็งมดลูกและมะเร็งต่างๆอีกด้วย ในบางครั้งเอาอาจเรียกผักผลไม้ที่มีวิตามินซีอยู่ว่าเป็น สมุนไพรรักษามะเร็ง หรือจะเรียกว่าอาหารต้านมะเร็งก็ได้อันนี้ไว้ ทีมงานมะเร็งมดลูกจะหาข้อมูลหรือบทวิจัยมาอ้างอิงให้หนะครับผม ขอออกตัวก่อนหนะครับว่าบทความชุดนี้ผมขออ้างอิงจากแผ่นพับที่ได้จากร้านขายยาแถวที่พัก สิ่งแรกที่อยากให้รู้ก่อนเลยคือ
 วิตามินซี คืออะไร วิตามินซี คือวิตามินที่ละลายในน้ำ นอกจากนี้วิตามินซี ยังรู้จักในชื่อของ แอสคอร์บิค แอซิด อีกด้วย มนุษย์ ไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้เองนะครับ ดังนั้นการที่เราจะได้รับเจ้าวิตามินซี จากการรับประทานเท่านั้นครับผม ปริมาณของวิตามินซี ในอาหารยังลดลงได้เมื่อถูกความร้อน และเมื่อถูกเก็บไว้นานๆ (สำคัญเลยนะครับข้อนี้ ดังนั้นในอาหารที่ถูกปรุงด้วยความร้อนจะไม่มีวิตามินซีหลงเหลืออยู่แน่นอนเลยครับผม)
บทบาทของวิตามินซี ที่มีต่อร่างกาย
       
วิตามินซี มีบทบาทต่อร่างกายหลายประการด้วยกันดังต่อไปนี้
·      มีความจำเป็นต่อขบวนการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของหลอดเลือด เส้นเอ็น เอ็นยึด และกระดูก
·      มีความจำเป็นต่อการสังเคราะห์สารสื่อสัญญาณประสาท และ สารสื่อสัญญาณประสาทมีความจำเป็นต่อการทำงานของสมองซึ่งส่งผลต่ออารมณ์ด้วย ครับ
·      มีความจำเป็นต่อการสังเคราะห์ไทรอยด์ฮอร์โมน
·      มีความจำเป็นต่อการสังเคราะห์สารคาร์นิทีนซึ่งเป็นสาระสำคัญในการเปลี่ยนแปลงไขมันไปเป็นพลังงาน
·      ช่วยให้ระบบภูมิต้านทานเป็นปกติ
·      เป็นสารต้านออกซิเดชั่น ที่แรงตัวหนึ่ง ป้องกันโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และสารพันธุกรรม เช่น Dna แล Rna จากการถูกทำลายของอนุมุลอิสระที่เกิดจากการเผาผลาญภายในร่างกาย และจากภายนอก เช่น มลภาวะและการสูบบุหรี่ นอกจากนี้วิตามินซี ยังสามารถกระตุ้นให้สารต้านออกซิเดชั่นอื่นกลับมาใช้ใหม่ได้อีก เช่นวิตามิน อี เป็นต้น

การใช้และประโยชน์ต่อสุขภาพในการใช้วิตามินซี
        โรคลักปิดลักเปิด (เลือดออกตามไรฟัน)
โดยเจ้าโรคนี้จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายอยู่ในภาวะขาดวิตามินซี นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เป็นจ้ำเขียวตามตัว ผมร่วง ฟันหลุดง่าย ปวดข้อ และบวม ซึ่งการป้องกันสามารถทำได้โดยการรับประทานวิตามินซี อย่างน้อยวันละ 10 มิลลิกรัม
        ไข้หวัดธรรมดา การรับประทานวิตามินซี ในขนาดสูงคือ 1-3 กรับทุกวัน สามารถช่วยลดความรุนแรงและช่วงเวลาของการเกิดหวัดได้
หัวใจและหลอดเลือด วิตามินซี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด จากการศึกษา หลังจากติดตามผลจากผู้หญิง 85000 คนเป็นเวลากว่า 16 ปี พบว่าการรับประทานวิตามินซีในขนาดสูงสามารถป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้การรับประทานวิตามินซีมากกว่า 359 mg ต่อวัน จากอาหารและการเสริมสร้างด้วยผลิตภัณฑ์วิตามินซี ช่วยลดการเกิดโรคหัวใจลงได้ 27-28 %  และจากการศึกษา ยังพบอีกว่าการรับประทานวิตามินซี ขนาด 300 mg ทุกวัน สามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจในผู้ชายได้ 42% และในผู้หญิง 25%

สุดท้ายมาถึงหัวข้อสำคัญสำหรับ บทความนี้แล้วครับ เบื่อกันหรือยังครับอ่านมาตั้งเยอะ มาดูกันครบว่าตัววิตามินซี จะมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่างๆได้อย่างไรครับ ตัววิตามินซี สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรค มะเร็งบางชนิดได้ ซึ่งมีหลักฐานจากการรับประทานวิตามินซี จากธรรมชาติ ซึ่งยังไม่เป็นที่สรุปว่าวิตามินซี สามารถใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานวิตามินซี 200 mg ทุกวันจากผักผลไม้ ช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็งในช่องปาก มะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ และ มะเร็งปอด ได้ ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่พบการวิจัยว่าตัววิตามินซี สามารถลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งมดลูกได้ (เดียวยังไงทางทีมงานมะเร็งมดลูก จะพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับวิตามินซี กับ มะเร็งมดลูกมาฝากนะครับผม)
        การศึกษาในอาสาสมัคร
870 คน โดยทำการติดตามผลเป็นเวลา 25 ปี พบว่าผู้ที่รับประทานวิตามินซี มากกว่า 83 mg ทุกวัน มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดลดลง 64 % เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่รับประทานวิตามินซี ต่ำกว่า 63 mg ต่อวัน
        สุดท้ายฝากนิดหนึ่งครับสำหรับท่านผู้อ่านที่คิดจะซื้อ วิตามินซีให้ลูกหลานท่านได้รับประทาน คือเรื่อง ขนาดที่เหมาะสมในการใช้วิตามินซี
         
100-250 mg 1-2 ครั้งต่อวัน ใช้ในการรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
         
1-3 กรัมต่อวัน อาจช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงในการเป็นไข้หวัดได้
       
300-400 mg อาจช่วยในการลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้
       
80-110 mg ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่างๆได้
       
200 mg per 30 mg ของธาตุเหล็กอาจช่วยการดูดซึมของเหล็กได้
จบแล้วท่านผู้อ่านทุกท่าน รอติดตามบทความดีๆจาก ทีมงาน มะเร็งมดลูกในคราวหน้านะครับ

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รู้จักมะเร็งมดลูก กันไหมเอ่ย ?

ภาพตัวอย่างมะเร็งมดลูก


สวัสดีครับ พี่น้องผู้อ่านผู้ฟังทุกท่าน วันนี้ขอประเดิมบทความแรกของ Blog นี้ด้วยเรื่องเกี่ยวกับมะเร็งมดลูก เผอิญโดยส่วน

ตัวผู้เขียน Blog ได้มีโอกาส รับรู้รับฟังเกี่ยวกับตัวมะเร็งมดลูกมาบ้างและได้มีโอกาศได้สัมผัสกับกลุ่มคนป่วยที่เป็นมะเร็งมดลูกมาแล้วด้วย ทำให้รู้สึกว่า ประชากรบ้านเมืองเราไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับเจ้าโรคนี้เท่าไหร่ ซึ่งก็อดห่วงไมได้ครับว่าอนาคต จะเป็นอย่างไร มาดูกันครับว่าเราๆท่านๆรู้จักเจ้าโรค มะเร็งมดลูก หรือเรียกๆกันว่า มะเร็งปากมดลูก กันมากเท่าไหร่
ซึ่งถ้าหากพูดถึงโรคมะเร็งปากมดลูกท่านผู้อ่านคงรู้จักกันดีเลยเคยได้ยิน ซึ่งข่าวเกี่ยวกับมะเร็งมีออกข่าวออกสื่อให้เราได้พบเห็นทุกวันซึ่งคงจำกันได้ข่าวเมื่อไม่นานมานี้ ที่นางเอกฮอลลีวู๊ดชื่อดังเป็นมะเร็งเช่นกันแต่เป็นคนละอวัยวะกับทางทีมงานบทความสุขภาพจะได้นำเสนอในวันนี้ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ วันนี้ทางทีมงานบทความสุขภาพ อยากนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ การป้องกันมะเร็งปากมดลูกครับ ผมเชื่อว่าหลายๆท่านคงสงสัยว่า เจ้ามะเร็งปากมดลูกนี้สามารถป้องกันได้หรือไม่ หลังจากสงสัยและได้หาข้อมูลอยู่ระยะหนึ่งก็พบจากหลายๆสื่อหลายบทความ สรุปว่า มะเร็งปากมดลูกป้องกันได้โดยการตรวจหาความผิดปกติของปากมดลูกซึ่งจะต้องตรวจติดตามอย่างต่อเนื่องสำหรับเพศหญิงอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป สบายใจกันไปนิดหนึ่งใช่ไหมคับอย่างน้อยเราก็รู้ว่าป้องกันได้แน่นอน (ฝากนิดหนึ่งครับ สำหรับสาวๆ 35 ปีขึ้นไปสามารถติดต่อขอตรวจความผิดปกติของปากมดลูกได้ที่ รพ.สต. และ รพ. ใกล้บ้านท่านได้ครับ ไม่ต้องอายครับ)
        มาดูสาเหตุกันครับว่าเจ้ามะเร็งปากมดลูกเกิดขึ้นได้อย่างไร เจ้ามะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อ HPV ครับ จากการมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสตรีที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย หรือมีคู่นอนหลายคน(ความคิดเห็นส่วนตัวผมว่าอนาคตข้างหน้าโรคนี้จะมีมากขึ้นครับด้วยสภาพแวดล้อมและสภาพสังคมเดียวนี้ วัยรุ่นไทยมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยตามข่าวที่ได้เห็นกัน น่าเป็นห่วงจริงๆเล้ย) แต่ใช่ว่าคนที่ได้รับเชื้อ HPV แล้วจะเห็นอาการของโรคเลย โดยโรคนี้จะค่อยๆแสดงอาการโดยใช้เวลา 10-15 ปี โดยในช่วงเวลานี้เชื้อ HPV จะเริ่มเปลี่ยนแปลงมดลูกไปเรื่อย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าครับ สาเหตุหลักๆคงมีเพียงเท่านี้คับผม
        ต่อไปก็มาดูการตรวจหาความผิดปกติของปากมดลูกและการรักษาความผิดปกติ
การตรวจหาความผิดปกติของปากมดลูกนั้นมีหลายวิธีมากครับ วิธีที่ใช้กันมาตั้งแต่ดั้งเดิมคือ Pap smear ณ ตอนนี้ก็ยังใช้อยู่ครับผม คือการนำเซลล์ของปากมดลูกไปตรวจย้อมเชื้อหาความผิดปกติของปากมดลูก เมื่อพบความผิดปกติก็จะแจ้งให้สตรีผู้นั้นทราบและให้มาตรวจปากมดลูกซ้ำ โดยการใช้น้ำส้มสายชู 3-5 เปอร์เซ็นต์ป้ายที่ปากมดลูก แล้วใช้กล้องส่องขยายจะเป็นความผิดปกติของปากมดลูกได้ชัดเจน และตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ  จึงจะนำไปรักษาความผิดปกติของของปากมดลูก โดยวิธีจี้เย็น หรือตัดปากมดลูกเป็นกรวย ตามแต่ขนาดของความผิดปกติที่ได้พบ การตรวจหาความผิดปกติของปากมดลูก โดยวิธี Pap smear จะใช้เวลาค่อนข้างนานครับคือ 1-2 เดือน จึงจะทราบผล และใช้เวลาอีกกว่า 1-2 เดือน กว่าจะได้รับการรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีที่อยู่ในชนบท ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และเสียเวลาในการทำมากิน
       
 การเตรียมตัวก่อนมาตรวจความผิดปกติของปากมดลูก
        1. หลังประจำเดือนหมด 7 วัน
        2 งดเหย็บยา 4-5 วัน
        3 งดมีเพศสัมพันธ์ 2-3 วัน
การปฏิบัติตัวหลังจากได้รับการจี้เย็น    
        1. จะมีตกขาวมากกว่าปกติ จนอาจต้องใช้ผ้าอนามัย เป็นเวลา 3-4 อาทิตย์
        2. งดการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 2-3 สัปดาห์
        3 ถ้ามีการปวดท้องน้อยให้รับประทานยาแก้ปวด
        4 ถ้ามีเลือดออกซึ่งไม่ใช่ประจำเดือน มีไข้ มีตกขาว มีกลิ่นหรือมีการปวด  ท้องน้อยมาก ให้รีบพบแพทย์เน้ออย่าปล่อยไว้ครับ
บุคคลที่ควรได้รับการตรวจ
        1 มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
        2 มีคู่นอนหลายคน
        3 แต่งงานแล้ว
        4 มีบุตรหลายคน
        5 สูบบุหรี่หรือมีคนใกล้ชิดสูบบุหรี่
        6 ไม่มีอาการผิดปกติ
        7 อายุ 30 ปีขึ้นไป

สุดท้ายหวังว่าบทความ แรกของ blog แห่งนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับท่านผู้อ่านที่ได้หลงเข้ามาหนะครับ