This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มะเร็งต่างๆ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ มะเร็งต่างๆ แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

มะเร็งตับ

มะเร็งตับ

       สวัสดีครับท่านผู้ติดตาม blog มะเร็งมดลูกทุกๆท่าน วันนี้ทางทีมงานมะเร็งมดลูก มีบทความสุขภาพ เกี่ยวกับมะเร็งตับมาฝากกันครับ ถ้าพูดถึงมะเร็งตับแล้วหลายๆท่านคงคุ้นหูกันดีกับชื่อนี้ ขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่าทางทีมงานมะเร็งมดลูก จะพยายามเสาะแสวงหาข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งต่างๆ ระยะมะเร็ง รวมถึง วิธีการรักษามะเร็ง และ พืชสมุนไพรรักษามะเร็ง มาฝากให้ได้ศึกษาและนำไปเป็นข้อมูลเพิ่มเติมในการปฏิบัติตัวอย่างไรให้พ้นจากการเป็นมะเร็งต่างๆ ครับ วันนี้เช่นเคยครับกับ มะเร็งที่มี ชื่อว่า มะเร็งตับ
        มะเร็งตับ พบมากเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ และพบในเพศชายมากกว่าเพศ หญิง ถึง 2 เท่าขึ้นไปโดย
        มะเร็งตับ พบมากในประเทศไทย มี
2 ชนิด คือ โรคมะเร็งของเซลล์ตับ และโรคมะเร็งท่อน้ำดีตับ โรคมะเร็งท่อน้ำดีตับ พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ส่วนการรักษาโรคมะเร็งตับยังไม่ได้ผลเท่าที่ควรมีอัตราการอยู่รอดต่ำมากครับท่านผู้ อ่าน ทราบอย่างนี้แล้ว ก็ระวังกันด้วยนะครับผม
        สาเหตุการเกิดมะเร็งตับ
       
1. การเป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบชนิดบี เป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดในการเกิดโรคมะเร็งเซลล์ตับในคนไทย
       
2. โรคมะเร็งท่อน้ำดีตับ เกิดเนื่องจากพยาธิใบไม้ตับ เป็นสาเหตุสำคัญร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีดินประสิว(ไนเตรท) และไนไตรท์ เช่นปราร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม แหนม ไส้กรอก เบคอน ฯลฯ
       
3. การดื่มสุราเป็นประจำ
       
4. สารพิษอัฟลาทอกซิลซึ่งเกิดจากเชื้อราบางชนิดพบในอาหารประเภทถั่ว ข้าวโพด พริกแห้ง เป็นสาเหตุสำคัญในการทำให้เกิดโรคมะเร็งตับในประเทศจีน และ อาฟริกา
       
5. ไวรัสตับอักเสบบี ชนิดซี เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของการเกิดโรคมะเร็งตับในประเทศญี่ปุ่น ยุโรป และบางส่วนของประเทศไทย
        อาการของมะเร็งตับ
       
1. เริ่มต้นด้วยอาการเบื่ออาหาร แน่นท้อง ท้องผูก
       
2. อ่อนเพลีย น้ำหนักลด และมีไข้ต่ำๆ
       
3. ปวดหรือเสียชายโครงด้านขวา อาจคลำก้อนได้
       
4. ตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต และบวมบริเวณขา ทั้ง 2 ข้าง
        การวินิจฉัย
       
การตรวจและการรักษาโรคมะเร็งตับ ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจะได้ผลทันที การวินิฉัยได้แก่
       
1. การตรวจหาระดับแอลฟาฟีโตโปรตีนในเลือด
       
2. การใช้เครื่องมือพิเศษได้แก่ เครื่องอัลตราซาวด์ เครื่องแสดงภาพอวัยวะด้วยรังสีไอโซโทป และเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์
       
3. การดูลักษณะของเซลล์ด้วยการเจาะเอาเนื้อตับมาตรวจ เพื่อวินิจฉัยทางพยาธิวิทยา
        การรักษา
       
1. โดยการผ่านตัด
       
2. การฉีดยาเข้าก้อนมะเร็งโดยตรง ในมะเร็งระยะเริ่มแรก
 
       3. การฉีดยาเคมี หรือสารอุดตันเข้าเส้นเลือดแดง ที่หล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง
       
4. การใช้ยาเคมีส่วนใหญ่รักษาเพื่อการบรรเทาอาการ
        การป้องกัน
       
1. ให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบ ชนิดบีในเด็กแรกเกิดทุกคน
       
2. ป้องกันและรักษาโรคพยาธิใบไม้ตับ
       
3. ปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพ
       
4. รับประทานอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ
       
5. รับประทานผัก ผลไม้สด เป็นประจำ
       
6. หลีกเลี่ยง อาหารที่มีสานก่อมะเร็ง ได้แก่ อาหารที่มีราขึ้น อาหารใส่ดินประสิว และไนไตรท์ เช่น ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม แหนม ไส้กรอก เบคอน อาหารหมักดอง  เค็มจัด เผ็ดจัด เนื้อสัตว์รมควัน ปิ้ง ย่าง ทอดจนไหม้เกรียม ไม่ รับประทานอาหารปลาดิบๆ สุกๆ เช่นปลาขาว ปราตะเพียน ปลาแม่สะแด้ง
       
7. เลิกสูบบุหรี่
       
8. เลิกดื่มสุรา
       
9. ลดความเครียด และออกกำลังกายเป็นประจำ
        สิ่งผิดปกติที่ควรปรึกษาแพทย์
       
1. ผู้ที่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบชนิดบี หรือเป็นโรคตับแข็ง
       
2. เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ
       
3. เบื่ออาหารโดยไม่มีสาเหตุ
       
4. แน่นท้อง ท้องผูก ท้องอืด ท้องเฟ้อเป็นประจำ
       
5. อ่อนเพลีย น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว
       
6. มีไข้ต่ำๆ เป็นประจำ
       
7. ปวดหรือเสียดชายโครงด้านขวา หรือคลำพบก้อนในช่องท้อง
หัวข้ออื่นๆที่เกี่ยวข้อง
มะเร็งมดลูก,มะเร็งปากมดลูก,อาการมะเร็งมดลูก,ระยะมะเร็ง,วิธีรักษามะเร็ง,มะเร็งต่างๆ,สมุนไพรรักษามะเร็ง,อาหารต้านมะเร็ง

วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกกุ้งเสียบ


สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกกุ้งเสียบ
 
  
ชาวใต้เรียกน้ำพริกว่า น้ำซุบ ความอร่อยของน้ำซุบอันเป็นเอกลักษณ์เกิดจาก เคยหลายชนิดที่ทำขึ้นจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนชายทะเลทั้งสองฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน
        ส่วนกุ้งเสียบนั้นได้มาจากกุ้งทะเลสดๆเสียบไม้แล้วนำไปรมควันจากกาบมะพร้าวจนสุกและแห้งสนิท มีสีเหลืองสวยและหอมกลิ่นควันไฟ ชาวใต้นำกุ้งเสียบมาสร้างสรรค์เป็นเมนูน้ำพริก
        ส่วนผสม กุ้งเสียบครึ่งถ้วย พริกขี้หนูลุยสวน
10 เม็ด หอมเล็กซอย หนึ่งในสี่ถ้วย เคยหรือกะปิดห่อใบตองย่างพอหอมๆ 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชา น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลโตนด 2 ช้อนชา
        วิธีทำ คั่วกุ้งเสียบในกระทะด้วยไฟอ่อนให้กรอบและมีกลิ่นหอมปิดไฟ โขลกพอแหลก พักไว้ จากนั้นโขลกพริกขี้หนู หอมเล็ก กะปิ และเกลือเข้าด้วยกัน ใส่กุ้งเสียบ โขลกพอเข้ากัน ไม่ให้กุ้งแหลกมาก ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำตาลโตนด คนให้เข้ากัน ชิมรส ตักใส่ถ้วย ตกแต่งด้วยกุ้งเสียบและพริกขี้หนูลุยสวน
        เพิ่มเติม ปัจจุบันมีกุ้งเสียบขายทั้งแบบเสียบไม้และขายเป็นตัวๆให้เลือกกุ้งเสียบที่แห้งสนิท สีสันเป็นธรรมชาติ หากใช้ไม่หมดให้เก็บแช่ในช่องแช่แข็ง จะเก็บได้นาน ครับผม
สรรพคุณต้านมะเร็งต่างๆในน้ำพริกกุ้งเสียบ
       
สารแคปไซซิน ในพริกช่วยลดการเกิดเซลล์ มะเร็งต่างๆ ได้โดยเฉพาะ มะเร็งกระเพาะอาหาร นอกจากนี้พริกยังให้วิตามินซีและเบต้าแคโรทีน ช่วยต้านฟรีแรดิคัล ป้องกันมะเร็งได้หลายชนิด
        นอกจากนี้สารไบโอฟลาโวนอยด์ของหอมเล็กยังช่วงป้องกัน
มะเร็งต่างๆได้ โดยเฉพาะมะเร็งตับ โดยสารสำคัญในหอมเล็กจะช่วยตับขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ทั้งยังช่วยทำลายเซลล์ มะเร็งต่างๆ       
สัปดาห์นี้ ทีมงาน มะเร็งมดลูกขอจบไว้ที่ น้ำพริกแดงของภาคกลาง นะครับ อย่าลืมมาติดตาม ผลงาน ของ ทีมงาน มะเร็งมดลูกอีกนะครับผม สวัสดีครับ

หัวข้ออื่นๆที่เกี่ยวข้อง
มะเร็งมดลูก,มะเร็งปากมดลูก,อาการมะเร็งมดลูก,ระยะมะเร็ง,วิธีรักษามะเร็ง,มะเร็งต่างๆ,สมุนไพรรักษามะเร็ง,อาหารต้านมะเร็ง
ขอบคุณบทความจากหนังสือชีวจิต
ภาพประกอบจากทราเวลทีวี

วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกแดง

สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกแดง

      
ความรุ่มรวยของน้ำพริกภาคกลางสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าครัวภาคกลางได้รับอิทธิพลจากวังหลวง ที่ซึ่งจัดเจนในการคิดค้นสูตรน้ำพริกสารพัดชนิด เมื่อบวกกับความสามารถของคนภาคกลางที่เก่งในการประยุกต์ น้ำพริกภาคกลางจึงมีหลากรส และหลายตำหรับมากครับ
        น้ำพริกแดงเป็นน้ำพริกสูตรโบราณประจำสำหรับของชุมชนภาคกลางแถบชายฝั่งทะเลครับ เพราะกินเข้ากันดีกับอาหารจำพวกปลา เช่น ปลาย่าง น้ำพริกแดงมีสอง สูตรคือ ใช้ความเปรี้ยวจากน้ำมะขามเปียกและจากมะม่วงเปรี้ยวซอย
        ส่วนผสม พริกแห้งเม็ดใหญ่แช่น้ำจนนิ่มฉีกเป็นท่อนๆ 10 เม็ด กระเทียม 10 กลีบ กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลโตนดครึ่งช้อนโต๊ะ มะม่วงเปรี้ยวซอยละเอียด 1 ใน 4 ถ้วยครับ
        วิธีทำ โขลกพริกแห้งจนละเอียด ใส่กระเทียมลงไปโขลกให้เข้ากันจากนั้นใส่กะปิดน้ำตาลโตนด โขลกจนเข้ากันดี ใส่มะม่วงซอยลงไป คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน กินกับผักสดตามชอบครับผม
        เพิ่มเติม เมื่อคลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันเสร็จแล้ว ปล่อยทิ้งไว้สักครู่ เพื่อให้มะม่วงได้ปล่อยความเปรี้ยวออกมาในน้ำพริกก่อนค่อยรับประทานนะครับผม
สรรพคุณต้านมะเร็งต่างๆในน้ำพริกแดง
       
มีงานวิจัยระบุว่า การกินกระเทียมสามารถลดการเกิดมะเร็งต่างๆในได้เช่น มะเร็งกระเพราะอาหาร เนื่องจากกระเทียมมีสารกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยต้านมะเร็งต่างๆหลายๆชนิด นอกจากนี้สารอาหารต่างๆในกระเทียมยังช่วยเพิ่มระดับเอมไซม์ ที่ช่วยล้างสารพิษก่อมะเร็งต่างๆ ซึ่งสารนี้จะเกิดขึ้นเมื่อทุบกระเทียมให้แตกแล้ววางไว้ 10 นาทีก่อนนำไปปรุงอาหาร
        สารต้าน
มะเร็งต่างๆจากมะม่วง หนึ่งในผลไม้ไม่กี่อย่างที่ได้รับการยกให้เป็นซูเปอร์ฟู๊ด การศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า สารอาหารในมะม่วงช่วยต้านมะเร็งต่างๆ เช่น มะเร็งเต้านม และ มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ครับผม
สัปดาห์นี้ ทีมงาน มะเร็งมดลูกขอจบไว้ที่ น้ำพริกแดงของภาคกลาง นะครับ คราวหน้าจะมาพูดถึง สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกกุ้งเสียบซึ่งเป็นบทความสุขภาพสุดท้ายในเรื่องเกี่ยวกับ สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง  ที่เป็นน้ำพริก (4 ภาค)นะครับ อย่าลืมมาติดตาม ผลงาน ของ ทีมงาน มะเร็งมดลูกอีกนะครับผม สวัสดีครับ

หัวข้ออื่นๆที่เกี่ยวข้อง
มะเร็งมดลูก,มะเร็งปากมดลูก,อาการมะเร็งมดลูก,ระยะมะเร็ง,วิธีรักษามะเร็ง,มะเร็งต่างๆ,สมุนไพรรักษามะเร็ง,อาหารต้านมะเร็ง
ขอบคุณบทความจากหนังสือชีวจิต ภาพประกอบจากครัวข้างทุ่ง

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน แจ่วกุ้ง



สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน แจ่วกุ้ง
สมุนไพรไทยรักษามะเร็ง แจ่วกุ้ง

        หลังจากสัปดาห์ที่แล้วผมได้พูด ถึง สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกข่า ไปแล้วนั้น ตามที่ได้สัญญาไว้ว่าวันนี้จะเอาเมนู สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง ของภาคอีสานมาฝาก วันนี้มาตามสัญญากับ บทความสุขภาพ เกี่ยวกับ เมนูอาหารที่ชื่อว่า แจ่วกุ้ง
        โดยคนอีสานจะเรียกน้ำพริกว่า แจ่ว ป่น และหลน แตกต่างกันตามวิธีการปรุงครับ ตั้งทุกวิธีตั้งอยู่บนหลักความง่ายๆ เพราะอาศัยวัตถุดิบ ที่มีอยู่ในท้องถิ่น
        กุ้งฝอยมีมากในช่วงน้ำนอง คนอีสานหากุ้งฝอยจากแหล่งน้ำธรรมชาติ คนอีสานไม่นิยมน้ำพริกรสหวาน แต่สำหรับน้ำพริกถ้วยนี้ จะมีความหวานแบบธรรมชาติๆจากตัวกุ้งและกลิ่นหอมๆจากข้าวขั่วและเสริมรสให้ครบเครื่องด้วยผักพื้นบ้านสดๆ ที่หาได้ในท้องถิ่น
        ส่วนผสม กุ้งฝอยคั่วจนสุก
100 กรัม พริกขี้หนู 4-5 เม็ด หอมเล็ก 4 หัว ข้าวคั่ว เกลือนิดหนอ่ยครับ ไม่ต้องมากเดี๋ยวเค็ม
        วิธีปรุง ตำพริกขี้หนู หอมเล็ก และข้าวคั่วเข้าด้วยกัน ตักขึ้นนำมาคลุกกับกุ้งที่คั่วไว้แล้ว ปรุงรสด้วยเกลือ กินกับผักสดต่างๆ เช่นผักกาด ผักบุ้ง ผักชีลาว ผักชีใบยาว ยอดมะกอก ต้นหอม
        เพิ่มเติม ควรเลือกซื้อกุ้งฝอยจากแหล่งน้ำที่แน่ใจว่าห่างจากแหล่งสารเคมีปนเปื้อน
สรรพคุณต้านมะเร็งต่างๆในแจ่วกุ้ง
       
เมนูนี้ใส่ข้าวคั่วได้เต็มที่ครับผมเพราะยิ่งใส่ก็จะยิ่งได้สารต้านมะเร็งต่างๆ อีกเพียบเลยครับ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียคอลเลจ ประเทศอังกฤษ พบกว่าการกินข้าวกล้องทุกๆวัน ทุกๆ 10 กรัมจะลดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่างๆรวมทั้งมะเร็งลำไส้ได้ร้อยละ 10 โดยคณะวิจัยลงความเห็นว่าใยจากข้าวกล้องนั้นสำคัญเป็นพิเศษ ครับผม
       
สัปดาห์นี้ ทีมงาน มะเร็งมดลูกขอจบไว้ที่ แจ่วกุ้งของภาคอีสาน นะครับ คราวหน้าจะมาพูดถึง สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกแดง นะครับ อย่าลืมมาติดตาม ผลงาน ของ ทีมงาน มะเร็งมดลูกอีกนะครับผม สวัสดีครับ
ขอบคุณบทความจากหนังสือชีวจิต

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกข่า

สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน น้ำพริกข่า
น้ำพริกข่า
สวัสดีครับท่านผู้ติดตาม blog มะเร็งมดลูก ทุกๆท่านเมื่อสัปดาห์ก่อนไปนั่งรอแม่บ้านสอบวิชาเคมี ในห้องสมุด ของคณะเลยหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน เห็นบทความสุขภาพ เกี่ยวกับ สุมนไพรไทยรักษามะเร็งวันนี้เลยจะหยิบในบางชิ้นบางตอนมาฝากครับเผื่อ ท่านแม่บ้านพ่อบ้าน จะนำ เมนูอาหาร สุมนไพรไทยรักษามะเร็งไปทำรับประทานดูครับ โดย เมนูแรกนี้จะเป็นเมนู น้ำพริก ของภาคเหนือครับชื่อว่า
       น้ำพริกข่า
       
โดยน้ำพริกต้านมะเร็งต่างๆนี้เป็นสูตรดั้งเดิมของชาวลัวะซึ่งอาศัยอยู่ตามเชิงเขาในภาคเหนือ เป็นน้ำพริก ที่มีส่วนผสมไม่กี่อย่างทำง่ายครับ และได้รสชาติที่เรียกว่ารสชาติพื้นฐานของน้ำพริกแท้ๆ คือมีรสเผ็ดและรสเค็มตามมาครับ รสชาติเข้ากันดีกับเห็นป่าซึ่งมักเกิดตอนฤดูฝน (ช่วงนี้แหละครับเห็ดกำลังออกเลยครับ แถวๆ อ.อาจสามารถ  จ.ร้อยเอ็ด เห็ดขายเพียงไม่แพงด้วยครับ)
        ส่วนผสม ข่าแก่ซอยบางๆ
2 แง่ง พริกแห้งคั่ว 13 เม็ด กระเทียมคั่ว 2 หัว ตะไคร้ซอย 1 ต้น เกลือ 1 ช้อนชา น้ำอุ่นๆ 2-3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ โขลกพริกและกระเทียมให้ละเอียด ใส่เกลือลงไปโขลกต่อ ใส่ข่าและตะไคร้ โขลกให้ละเอียด เติมน้ำอุ่นคนให้เข้ากันครับ

        เพิ่มเติม เลือกข่าแก่จัด สังเกตแง่งมีผิวเปลือกบางตามปล้องสีน้ำตามเข้ม จะมีน้ำมันหอมระเหยอยู่มากครับ ทำให้น้ำพริกมีกลิ่นหอมข่า หรือจะหั่นข่าเป็นแว่น แล้วคั่วให้หอมก่อนก็ได้ครับผม
สรรพคุณต้านมะเร็งต่างๆในน้ำพริกข่า

       
จากการวิจัยของคณะนักวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยคงคอลเลจ ประเทศอังกฤษ ระบุว่า ข่ามีสารที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นเอนไซต์บางชนิดที่มีความสามารถทำลายคาร์ซิโนเจน ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เซลล์เราผิดปกติ จนกลายเป็นมะเร็งต่างๆได้
        นอกจากนี้ยังพบว่า สารซิทรัล ในตะไคร้ยังช่วยขับเหงื่อและสารพิษ และช่วยทำให้ร่างกายดูดซึม สารก่อ
มะเร็งต่างๆ น้อยลงนอกจากนี้ยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่ผิดปกติในลำไส้ จึงมีผลดีในการยับยั้งการก่อตัวของเนื้อร้าย และป้องกัน มะเร็งลำไส้ ได้อีกด้วยครับผม สัปดาห์นี้ ทีมงาน มะเร็งมดลูกขอจบไว้ที่ น้ำพริกข่า ของภาคเหนือนะครับ คราวหน้าจะมาพูดถึง สุมนไพรไทยรักษามะเร็ง กับ 4 เมนูอาหารต้านมะเร็งต่างๆ ตอน แจ่วกุ้ง นะครับ อย่าลืมมาติดตาม ผลงาน ของ ทีมงาน มะเร็งมดลูกอีกนะครับผม สวัสดีครับ

หัวข้ออื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณภาพประกอบจาก รีวิวเชียงใหม่
มะเร็งมดลูก,มะเร็งปากมดลูก,อาการมะเร็งมดลูก,ระยะมะเร็ง,วิธีรักษามะเร็ง,มะเร็งต่างๆ,สมุนไพรรักษามะเร็ง,อาหารต้านมะเร็ง
ขอบคุณบทความจากหนังสือชีวจิต

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รู้จักกันไหม มะเร็งตับ

มะเร็งตับ
รู้จักกันไหม มะเร็งตับ
สวัสดีครับวันที่
16 กรกฎาคม 2556 วันนี้หวยออกครับ ได้เลขอะไรเด็ดๆบ้างครับ แบ่งปันกันบ้างนะครับเลขเด็ดๆ วันนี้ทีมงานมะเร็งมดลูก มีบทความสุขภาพ ดีๆมาฝาก บทความสุขภาพ ที่ผ่านๆมาส่วนมากเล่าถึง มะเร็งมดลูกอย่างเดียววันนี้ เลยขอหยิบเรื่องราวเกี่ยวกับมะเร็งตับมาฝากครับผม ทั่วโลก จะพบมะเร็งตับ เป็นอันดับที่ 5 จากมะเร็งต่างๆที่มีและพบว่าสาเหตุการอันดับที่ 3 ของการตายด้วยโรคมะเร็ง ก็คือมะเร็งตับ
     สำหรับประเทศไทย มะเร็งตับเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ1ในผู้ชาย และอันดับ3ในผู้หญิง รองจากมะเร็งปากมดลูกและ มะเร็งเต้านมตามลำดับ สามารถแบ่งชนิดของมะเร็งตับได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. ชนิดที่เกิดกับตับโดยตรง (มะเร็งปฐมภูมิ) ในประเทศไทยพบมากมี 2 ชนิดคือ
- มะเร็งชนิดเซลล์ตับ เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุด มากกว่าร้อยละ 70-80 ของมะเร็งตับพบได้ทั่วทุกภาค
- มะเร็งชนิดเซลล์ท่อน้ำดี เป็นมะเร็งที่พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบประมาณร้อยละ 10-20%ของมะเร็งตับ
2. ชนิดที่ลุกลามมาจากมะเร็งของอวัยวะอื่น (มะเร็งทุติยภูมิ) มะเร็งที่เกิดในอวัยวะอื่นเมื่อถึงความรุนแรงระดับหนึ่งก็จะมีการกระจายมาตามหลอดเลือดหรือหลอดน้ำเหลือง แล้วมาเจริญเติบโตอยู่ในตับ เช่น มะเร็งเต้านม หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่กระจายไปยังตับ?
ในที่นี้จะกล่าวถึงมะเร็งตับปฐมภูมิชนิดที่เป็นมะเร็งเซลล์ตับเป็นหลัก เพราะพบได้บ่อยกว่ามะเร็งตับปฐมภูมิชนิดอื่นๆ ?ดังนั้นคำว่ามะเร็งตับในที่นี้จึงหมายถึง ?มะเร็งเซลล์ตับ?
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งตับ
1 มากกว่าร้อยละ 90 ของโรคมะเร็งตับพบในผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยง? ซึ่งปัจจัยเสี่ยงได้แก่
2 การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซี? ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่พบได้บ่อยที่สุด และพบว่าหากเป็นเรื้อรังจะมีอัตราการเกิดมะเร็งตับสูง
3ภาวะตับแข็ง? พบว่าผู้ป่วยมะเร็งตับมากกว่าร้อยละ 80 มีภาวะนี้ร่วมด้วย โดยสาเหตุที่นำไปสู่ภาวะตับแข็งได้แก่ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์, ภาวะไขมันเกาะตับ, การใช้ยาบางชนิด, สารเคมี, การติดเชื้อไวรัส เป็นต้น

4 การสูบบุหรี่
5 โรคอ้วน หรือภาวะการขาดสารอาหาร
6 โรคเบาหวาน
7 การใช้สารสเตียรอยด์ หรือฮอร์โมนเพศชาย

8 การบริโภคอาหารที่มีการปนเปื้อนของสาร Aflatoxin ซึ่งผลิตจากเชื้อราในอาหารพวก ข้าวโพด ถั่ว พริกแห้ง

สำหรับวันนี้ทีมงาน มะเร็งมดลูก นำฝากแค่นี้ก่อนครับ ส่วนบทความสุขภาพ ชุดหน้าจะสำเนื้อหาเกี่ยวกับมะเร็งตับ ในส่วน การรักษา และหัวข้ออื่นๆที่เกี่ยวข้องมาฝากคับ ผมขอบคุณบทความจาก คลับคนสู้มะเร็งด้วยครับผม

วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วิตามินซี กับ มะเร็งมดลูกและมะเร็งต่างๆ



วิตามินซี กับมะเร็งมดลูก และมะเร็งต่างๆ
        สวัสดีครับ ครับผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ มะเร็งมดลูก (นามปากกาใหม่) ต้องเดินทางแต่เช้าเพื่อไปเรียนกับแม่บ้านที่ ม.ราชภัฎสุรินทร์ ตื่นเช้าก็ไม่มีอะไรมากมายเตรียม ชงนมไว้ให้ลูกสาวคนเดียว เพราะอีกซักพัก ย่าจะมารับเจ้าตัวเล็กไปเลี้ยงที่บ้าน วันนี้แม่บ้านมีเรียน แปดโมงกว่าๆ แต่ก็ไปสายได้(หรือเปล่า)หลังจากจัดแจงเตรียมข้าวของให้เจ้าตัวเล็กเสร็จก็ออกเดินทางไปเรียนกับแม่บ้าน(แม่บ้านขับรถให้นั่งครับผมขับไม่เก่งเวลาไปไหนมาไหนแม่บ้านขับอย่างเดียวครับ) ถึงที่เรียนประมาณเก้าโมงกว่าๆสายเกือบสองชั่วโมงแนะหลังจากสั่งแม่บ้านเข้าห้องเรียนเสร็จผมก็ปลีกตัวมารอแม่บ้านอยู่ห้องสมุด คณะวิทยาศาสตร์ฯ อาคาร 29 ครับ นั่งรอให้ห้องสมุดเลยเป็นที่ไปที่มาของบทความนี้ครับ เล่าซะยาวเลยผมแทบไม่เกี่ยวกับ เจ้าตัววิตามินซี มะเร็งมดลูก และมะเร็งต่างๆเลยครับ เอาเป็นว่าบทความวันนี้ มะเร็งมดลูกขอพูดถึงเจ้าตัว วิตามิซี หละกันครับ ผมคิดว่าหลายๆท่านคงเคยได้ยิน ชื่อนี้มานานและคงได้กินกันมามากมายเพราะว่าเจ้าตัววิตามินซีนี้ มีขายตามร้านทั่วไปแม้กระทั่งร้านขนมก็ยังเอามาใส่ซองขายเลย รสชาติๆเปรี้ยวๆอร่อยดีครับ ลูกสาวผมชอบกินมากๆ และอีกอย่างวิตามินซี ก็มีอยู่ในจำพวกอาหารรสเปรี้ยวเช่น ส้ม พวกนี้ครับ คนส่วนมากจะคิดว่าวิตามินซี ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน แต่หารู้ไม่ว่าเจ้าตัววิตามินซีนี้ เปรียบเสมือน ยารักษาโรคมะเร็ง ไม่จะเป็นมะเร็งมดลูกและมะเร็งต่างๆอีกด้วย ในบางครั้งเอาอาจเรียกผักผลไม้ที่มีวิตามินซีอยู่ว่าเป็น สมุนไพรรักษามะเร็ง หรือจะเรียกว่าอาหารต้านมะเร็งก็ได้อันนี้ไว้ ทีมงานมะเร็งมดลูกจะหาข้อมูลหรือบทวิจัยมาอ้างอิงให้หนะครับผม ขอออกตัวก่อนหนะครับว่าบทความชุดนี้ผมขออ้างอิงจากแผ่นพับที่ได้จากร้านขายยาแถวที่พัก สิ่งแรกที่อยากให้รู้ก่อนเลยคือ
 วิตามินซี คืออะไร วิตามินซี คือวิตามินที่ละลายในน้ำ นอกจากนี้วิตามินซี ยังรู้จักในชื่อของ แอสคอร์บิค แอซิด อีกด้วย มนุษย์ ไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้เองนะครับ ดังนั้นการที่เราจะได้รับเจ้าวิตามินซี จากการรับประทานเท่านั้นครับผม ปริมาณของวิตามินซี ในอาหารยังลดลงได้เมื่อถูกความร้อน และเมื่อถูกเก็บไว้นานๆ (สำคัญเลยนะครับข้อนี้ ดังนั้นในอาหารที่ถูกปรุงด้วยความร้อนจะไม่มีวิตามินซีหลงเหลืออยู่แน่นอนเลยครับผม)
บทบาทของวิตามินซี ที่มีต่อร่างกาย
       
วิตามินซี มีบทบาทต่อร่างกายหลายประการด้วยกันดังต่อไปนี้
·      มีความจำเป็นต่อขบวนการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของหลอดเลือด เส้นเอ็น เอ็นยึด และกระดูก
·      มีความจำเป็นต่อการสังเคราะห์สารสื่อสัญญาณประสาท และ สารสื่อสัญญาณประสาทมีความจำเป็นต่อการทำงานของสมองซึ่งส่งผลต่ออารมณ์ด้วย ครับ
·      มีความจำเป็นต่อการสังเคราะห์ไทรอยด์ฮอร์โมน
·      มีความจำเป็นต่อการสังเคราะห์สารคาร์นิทีนซึ่งเป็นสาระสำคัญในการเปลี่ยนแปลงไขมันไปเป็นพลังงาน
·      ช่วยให้ระบบภูมิต้านทานเป็นปกติ
·      เป็นสารต้านออกซิเดชั่น ที่แรงตัวหนึ่ง ป้องกันโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และสารพันธุกรรม เช่น Dna แล Rna จากการถูกทำลายของอนุมุลอิสระที่เกิดจากการเผาผลาญภายในร่างกาย และจากภายนอก เช่น มลภาวะและการสูบบุหรี่ นอกจากนี้วิตามินซี ยังสามารถกระตุ้นให้สารต้านออกซิเดชั่นอื่นกลับมาใช้ใหม่ได้อีก เช่นวิตามิน อี เป็นต้น

การใช้และประโยชน์ต่อสุขภาพในการใช้วิตามินซี
        โรคลักปิดลักเปิด (เลือดออกตามไรฟัน)
โดยเจ้าโรคนี้จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายอยู่ในภาวะขาดวิตามินซี นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เป็นจ้ำเขียวตามตัว ผมร่วง ฟันหลุดง่าย ปวดข้อ และบวม ซึ่งการป้องกันสามารถทำได้โดยการรับประทานวิตามินซี อย่างน้อยวันละ 10 มิลลิกรัม
        ไข้หวัดธรรมดา การรับประทานวิตามินซี ในขนาดสูงคือ 1-3 กรับทุกวัน สามารถช่วยลดความรุนแรงและช่วงเวลาของการเกิดหวัดได้
หัวใจและหลอดเลือด วิตามินซี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด จากการศึกษา หลังจากติดตามผลจากผู้หญิง 85000 คนเป็นเวลากว่า 16 ปี พบว่าการรับประทานวิตามินซีในขนาดสูงสามารถป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้การรับประทานวิตามินซีมากกว่า 359 mg ต่อวัน จากอาหารและการเสริมสร้างด้วยผลิตภัณฑ์วิตามินซี ช่วยลดการเกิดโรคหัวใจลงได้ 27-28 %  และจากการศึกษา ยังพบอีกว่าการรับประทานวิตามินซี ขนาด 300 mg ทุกวัน สามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจในผู้ชายได้ 42% และในผู้หญิง 25%

สุดท้ายมาถึงหัวข้อสำคัญสำหรับ บทความนี้แล้วครับ เบื่อกันหรือยังครับอ่านมาตั้งเยอะ มาดูกันครบว่าตัววิตามินซี จะมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่างๆได้อย่างไรครับ ตัววิตามินซี สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรค มะเร็งบางชนิดได้ ซึ่งมีหลักฐานจากการรับประทานวิตามินซี จากธรรมชาติ ซึ่งยังไม่เป็นที่สรุปว่าวิตามินซี สามารถใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานวิตามินซี 200 mg ทุกวันจากผักผลไม้ ช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็งในช่องปาก มะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ และ มะเร็งปอด ได้ ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่พบการวิจัยว่าตัววิตามินซี สามารถลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งมดลูกได้ (เดียวยังไงทางทีมงานมะเร็งมดลูก จะพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับวิตามินซี กับ มะเร็งมดลูกมาฝากนะครับผม)
        การศึกษาในอาสาสมัคร
870 คน โดยทำการติดตามผลเป็นเวลา 25 ปี พบว่าผู้ที่รับประทานวิตามินซี มากกว่า 83 mg ทุกวัน มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดลดลง 64 % เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่รับประทานวิตามินซี ต่ำกว่า 63 mg ต่อวัน
        สุดท้ายฝากนิดหนึ่งครับสำหรับท่านผู้อ่านที่คิดจะซื้อ วิตามินซีให้ลูกหลานท่านได้รับประทาน คือเรื่อง ขนาดที่เหมาะสมในการใช้วิตามินซี
         
100-250 mg 1-2 ครั้งต่อวัน ใช้ในการรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
         
1-3 กรัมต่อวัน อาจช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงในการเป็นไข้หวัดได้
       
300-400 mg อาจช่วยในการลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้
       
80-110 mg ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่างๆได้
       
200 mg per 30 mg ของธาตุเหล็กอาจช่วยการดูดซึมของเหล็กได้
จบแล้วท่านผู้อ่านทุกท่าน รอติดตามบทความดีๆจาก ทีมงาน มะเร็งมดลูกในคราวหน้านะครับ