วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วิตามินซี กับ มะเร็งมดลูกและมะเร็งต่างๆ



วิตามินซี กับมะเร็งมดลูก และมะเร็งต่างๆ
        สวัสดีครับ ครับผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ มะเร็งมดลูก (นามปากกาใหม่) ต้องเดินทางแต่เช้าเพื่อไปเรียนกับแม่บ้านที่ ม.ราชภัฎสุรินทร์ ตื่นเช้าก็ไม่มีอะไรมากมายเตรียม ชงนมไว้ให้ลูกสาวคนเดียว เพราะอีกซักพัก ย่าจะมารับเจ้าตัวเล็กไปเลี้ยงที่บ้าน วันนี้แม่บ้านมีเรียน แปดโมงกว่าๆ แต่ก็ไปสายได้(หรือเปล่า)หลังจากจัดแจงเตรียมข้าวของให้เจ้าตัวเล็กเสร็จก็ออกเดินทางไปเรียนกับแม่บ้าน(แม่บ้านขับรถให้นั่งครับผมขับไม่เก่งเวลาไปไหนมาไหนแม่บ้านขับอย่างเดียวครับ) ถึงที่เรียนประมาณเก้าโมงกว่าๆสายเกือบสองชั่วโมงแนะหลังจากสั่งแม่บ้านเข้าห้องเรียนเสร็จผมก็ปลีกตัวมารอแม่บ้านอยู่ห้องสมุด คณะวิทยาศาสตร์ฯ อาคาร 29 ครับ นั่งรอให้ห้องสมุดเลยเป็นที่ไปที่มาของบทความนี้ครับ เล่าซะยาวเลยผมแทบไม่เกี่ยวกับ เจ้าตัววิตามินซี มะเร็งมดลูก และมะเร็งต่างๆเลยครับ เอาเป็นว่าบทความวันนี้ มะเร็งมดลูกขอพูดถึงเจ้าตัว วิตามิซี หละกันครับ ผมคิดว่าหลายๆท่านคงเคยได้ยิน ชื่อนี้มานานและคงได้กินกันมามากมายเพราะว่าเจ้าตัววิตามินซีนี้ มีขายตามร้านทั่วไปแม้กระทั่งร้านขนมก็ยังเอามาใส่ซองขายเลย รสชาติๆเปรี้ยวๆอร่อยดีครับ ลูกสาวผมชอบกินมากๆ และอีกอย่างวิตามินซี ก็มีอยู่ในจำพวกอาหารรสเปรี้ยวเช่น ส้ม พวกนี้ครับ คนส่วนมากจะคิดว่าวิตามินซี ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน แต่หารู้ไม่ว่าเจ้าตัววิตามินซีนี้ เปรียบเสมือน ยารักษาโรคมะเร็ง ไม่จะเป็นมะเร็งมดลูกและมะเร็งต่างๆอีกด้วย ในบางครั้งเอาอาจเรียกผักผลไม้ที่มีวิตามินซีอยู่ว่าเป็น สมุนไพรรักษามะเร็ง หรือจะเรียกว่าอาหารต้านมะเร็งก็ได้อันนี้ไว้ ทีมงานมะเร็งมดลูกจะหาข้อมูลหรือบทวิจัยมาอ้างอิงให้หนะครับผม ขอออกตัวก่อนหนะครับว่าบทความชุดนี้ผมขออ้างอิงจากแผ่นพับที่ได้จากร้านขายยาแถวที่พัก สิ่งแรกที่อยากให้รู้ก่อนเลยคือ
 วิตามินซี คืออะไร วิตามินซี คือวิตามินที่ละลายในน้ำ นอกจากนี้วิตามินซี ยังรู้จักในชื่อของ แอสคอร์บิค แอซิด อีกด้วย มนุษย์ ไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้เองนะครับ ดังนั้นการที่เราจะได้รับเจ้าวิตามินซี จากการรับประทานเท่านั้นครับผม ปริมาณของวิตามินซี ในอาหารยังลดลงได้เมื่อถูกความร้อน และเมื่อถูกเก็บไว้นานๆ (สำคัญเลยนะครับข้อนี้ ดังนั้นในอาหารที่ถูกปรุงด้วยความร้อนจะไม่มีวิตามินซีหลงเหลืออยู่แน่นอนเลยครับผม)
บทบาทของวิตามินซี ที่มีต่อร่างกาย
       
วิตามินซี มีบทบาทต่อร่างกายหลายประการด้วยกันดังต่อไปนี้
·      มีความจำเป็นต่อขบวนการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของหลอดเลือด เส้นเอ็น เอ็นยึด และกระดูก
·      มีความจำเป็นต่อการสังเคราะห์สารสื่อสัญญาณประสาท และ สารสื่อสัญญาณประสาทมีความจำเป็นต่อการทำงานของสมองซึ่งส่งผลต่ออารมณ์ด้วย ครับ
·      มีความจำเป็นต่อการสังเคราะห์ไทรอยด์ฮอร์โมน
·      มีความจำเป็นต่อการสังเคราะห์สารคาร์นิทีนซึ่งเป็นสาระสำคัญในการเปลี่ยนแปลงไขมันไปเป็นพลังงาน
·      ช่วยให้ระบบภูมิต้านทานเป็นปกติ
·      เป็นสารต้านออกซิเดชั่น ที่แรงตัวหนึ่ง ป้องกันโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และสารพันธุกรรม เช่น Dna แล Rna จากการถูกทำลายของอนุมุลอิสระที่เกิดจากการเผาผลาญภายในร่างกาย และจากภายนอก เช่น มลภาวะและการสูบบุหรี่ นอกจากนี้วิตามินซี ยังสามารถกระตุ้นให้สารต้านออกซิเดชั่นอื่นกลับมาใช้ใหม่ได้อีก เช่นวิตามิน อี เป็นต้น

การใช้และประโยชน์ต่อสุขภาพในการใช้วิตามินซี
        โรคลักปิดลักเปิด (เลือดออกตามไรฟัน)
โดยเจ้าโรคนี้จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายอยู่ในภาวะขาดวิตามินซี นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เป็นจ้ำเขียวตามตัว ผมร่วง ฟันหลุดง่าย ปวดข้อ และบวม ซึ่งการป้องกันสามารถทำได้โดยการรับประทานวิตามินซี อย่างน้อยวันละ 10 มิลลิกรัม
        ไข้หวัดธรรมดา การรับประทานวิตามินซี ในขนาดสูงคือ 1-3 กรับทุกวัน สามารถช่วยลดความรุนแรงและช่วงเวลาของการเกิดหวัดได้
หัวใจและหลอดเลือด วิตามินซี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด จากการศึกษา หลังจากติดตามผลจากผู้หญิง 85000 คนเป็นเวลากว่า 16 ปี พบว่าการรับประทานวิตามินซีในขนาดสูงสามารถป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้การรับประทานวิตามินซีมากกว่า 359 mg ต่อวัน จากอาหารและการเสริมสร้างด้วยผลิตภัณฑ์วิตามินซี ช่วยลดการเกิดโรคหัวใจลงได้ 27-28 %  และจากการศึกษา ยังพบอีกว่าการรับประทานวิตามินซี ขนาด 300 mg ทุกวัน สามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจในผู้ชายได้ 42% และในผู้หญิง 25%

สุดท้ายมาถึงหัวข้อสำคัญสำหรับ บทความนี้แล้วครับ เบื่อกันหรือยังครับอ่านมาตั้งเยอะ มาดูกันครบว่าตัววิตามินซี จะมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่างๆได้อย่างไรครับ ตัววิตามินซี สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรค มะเร็งบางชนิดได้ ซึ่งมีหลักฐานจากการรับประทานวิตามินซี จากธรรมชาติ ซึ่งยังไม่เป็นที่สรุปว่าวิตามินซี สามารถใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานวิตามินซี 200 mg ทุกวันจากผักผลไม้ ช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็งในช่องปาก มะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ และ มะเร็งปอด ได้ ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่พบการวิจัยว่าตัววิตามินซี สามารถลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งมดลูกได้ (เดียวยังไงทางทีมงานมะเร็งมดลูก จะพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับวิตามินซี กับ มะเร็งมดลูกมาฝากนะครับผม)
        การศึกษาในอาสาสมัคร
870 คน โดยทำการติดตามผลเป็นเวลา 25 ปี พบว่าผู้ที่รับประทานวิตามินซี มากกว่า 83 mg ทุกวัน มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดลดลง 64 % เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่รับประทานวิตามินซี ต่ำกว่า 63 mg ต่อวัน
        สุดท้ายฝากนิดหนึ่งครับสำหรับท่านผู้อ่านที่คิดจะซื้อ วิตามินซีให้ลูกหลานท่านได้รับประทาน คือเรื่อง ขนาดที่เหมาะสมในการใช้วิตามินซี
         
100-250 mg 1-2 ครั้งต่อวัน ใช้ในการรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
         
1-3 กรัมต่อวัน อาจช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงในการเป็นไข้หวัดได้
       
300-400 mg อาจช่วยในการลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้
       
80-110 mg ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่างๆได้
       
200 mg per 30 mg ของธาตุเหล็กอาจช่วยการดูดซึมของเหล็กได้
จบแล้วท่านผู้อ่านทุกท่าน รอติดตามบทความดีๆจาก ทีมงาน มะเร็งมดลูกในคราวหน้านะครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. วิตามินซีนี่มีประโยชน์กับร่างกายเราจริงๆ นะ จริงๆ ยังมีสิ่งที่เราไม่รู้อีกมากเกี่ยวกับมัน ลองเข้าไปอ่านดู >> http://guru.sanook.com/9151/ เหมือนเป็นความรู้ใหม่ 555555555

    ตอบลบ